วันอังคารที่ 10 พฤษภาคม พ.ศ. 2559

บันทึกอนุทิน ครั้งที่ 10 พุธ ที่ 30 มีนาคม พ.ศ. 2559

บันทึกอนุทิน
ครั้งที่ 10 เวลาเรียน 08.30-12.30 น.
วิชา การจัดประสบการณ์การศึกษาแบบเรียนรวมสำหรับเด็กปฐมวัย
อาจารย์ผู้สอน อาจารย์ตฤณ   แจ่มถิน
วันพุธ ที่ 30 มีนาคม พ.ศ. 2559

เนื้อหาการเรียน(ความรู้ที่ได้รับ) :



การจัดประสบการณ์การศึกษาแบบเรียนรวมสำหรับเด็กปฐมวัย

รูปแบบการจัดการศึกษา
•การศึกษาปกติทั่วไป (Regular Education)
•การศึกษาพิเศษ (Special Education)
•การศึกษาแบบเรียนร่วม  (Integrated Education หรือ Mainstreaming)
•การศึกษาแบบเรียนรวม  (Inclusive Education)


การจัดการศึกษาสำหรับเด็กที่มีความต้องการพิเศษ 
เด็กที่มีความต้องการพิเศษทุกคนสามารถเรียนรู้และพัฒนาได้ถ้าได้รับโอกาสในการเรียนรู้ที่เหมาะสม
กับความต้องการพิเศษของเขา

ความหมายของการศึกษาแบบเรียนร่วม (Integrated Education หรือ Mainstreaming)
การจัดให้เด็กพิเศษเข้าไปในระบบการศึกษาทั่วไป
มีกิจกรรมที่ให้เด็กพิเศษกับเด็กทั่วไปได้ทำร่วมกัน
ใช้ช่วงเวลาช่วงใดช่วงหนึ่งในแต่ละวัน
ครูปฐมวัยและครูการศึกษาพิเศษร่วมมือกัน

การเรียนร่วมบางเวลา (Integration) 
การจัดให้เด็กพิเศษเรียนในโรงเรียนปกติในบางเวลา
เด็กพิเศษได้มีโอกาสแสดงออก และมีปฏิสัมพันธ์ที่ดีกับเด็กปกติ
เป็นเด็กพิเศษที่มีความพิการระดับปานกลางถึงระดับมาก จึงไม่อาจเรียนร่วมเต็มเวลาได้ 

การเรียนร่วมเต็มเวลา (Mainstreaming)
การจัดให้เด็กพิเศษเรียนในโรงเรียนปกติตลอดเวลาที่เด็กอยู่ในโรงเรียน
เด็กพิเศษได้รับการจัดกระบวนการเรียนรู้และบริการนอกห้องเรียนเหมือนเด็กปกติ
มีเป้าหมายเพื่อให้เด็กเข้าใจซึ่งกันและกัน ตอบสนองความต้องการซึ่งกันและกันและมีปฏิสัมพันธ์ซึ่งกัน
และกัน
เด็กปกติจะยอมรับความหลากหลายของมนุษย์ เข้าใจว่าคนเราเกิดมาไม่จำเป็นต้องเหมือนกันทุกอย่าง
ท่ามกลางความแตกต่างกัน มนุษย์เราต้องการความรัก ความสนใจ ความเอาใจใส่เช่นเดียวกันทุกคน

ความหมายของการศึกษาแบบเรียนรวม (Inclusive Education)
การศึกษาสำหรับทุกคน
รับเด็กเข้ามาเรียนรวมกันตั้งแต่เริ่มเข้ารับการศึกษา
จัดให้มีบริการพิเศษตามความต้องการของแต่ละบุคคล

Wilson , 2007
การจัดการเรียนการสอนที่ยึดปรัชญาของการอยู่รวมกัน (Inclusion) เป็นหลัก
การสอนที่ดี เป็นการสอนที่ครูกับนักเรียนช่วยกันให้ทุกคนเป็นสมาชิกที่ดีของชุมชน
กิจกรรมทุกชนิดที่จะนำไปสู่การสอนที่ดี (Good Teaching) ต้องคิดอย่างรอบคอบเพื่อหาหนทางให้
นักเรียนทุกคนสามารถเรียนได้
เป็นการกำหนดทางเลือกหลายๆ ทาง









ครูไม่ควรวินิจฉัย
การวินิจฉัย หมายถึงการตัดสินใจโดยดูจากอาการหรือสัญญาณบางอย่าง
จากอาการที่แสดงออกมานั้นอาจนำไปสู่ความเข้าใจผิดได้

ครูไม่ควรตั้งชื่อหรือระบุประเภทเด็ก
เกิดผลเสียมากกว่าผลดี
ชื่อเปรียบเสมือนตราประทับตัวเด็กตลอดไป
เด็กจะกลายเป็นเช่นนั้นจริงๆ

ครูไม่ควรบอกพ่อแม่ว่าเด็กมีบางอย่างผิดปกติ
พ่อแม่ของเด็กพิเศษ มักทราบดีว่าลูกของเขามีปัญหา
พ่อแม่ไม่ต้องการให้ครูมาย้ำในสิ่งที่เขารู้อยู่แล้ว
ครูควรพูดในสิ่งที่เป็นความคาดหวังในด้านบวก แต่ต้องไม่ให้เกิดความหวังผิดๆ
ครูควรรายงานผู้ปกครองว่าเด็กทำอะไรได้บ้าง เท่ากับเป็นการบอกว่าเด็กทำอะไรไม่ได้
ครูช่วยให้ผู้ปกครองมีความหวังและเห็นแนวทางที่จะช่วยให้เด็กพัฒนา

ครูทำอะไรบ้าง
ครูสามารถชี้ให้เห็นถึงพฤติกรรมของเด็กในเรื่องที่เกี่ยวกับพัฒนาการต่างๆ
ให้ข้อแนะนำในการหาบุคลากรที่เหมาะสมในการประเมินผลหรือวินิจฉัย
สังเกตเด็กอย่างมีระบบ
จดบันทึกพฤติกรรมเด็กเป็นช่วงๆ

สังเกตอย่างมีระบบ
ไม่มีใครสามารถสังเกตอย่างมีระบบได้ดีกว่าครู
ครูเห็นเด็กในสถานการณ์ต่างๆ ช่วงเวลายาวนานกว่า
ต่างจากแพทย์ นักจิตวิทยา นักคลินิก มักมุ่งความสนใจอยู่ที่ปัญหา

การตรวจสอบ
จะทราบว่าเด็กมีพฤติกรรมอย่างไร
เป็นแนวทางสำคัญที่ทำให้ครูและพ่อแม่เข้าใจเด็กดีขึ้น
บอกได้ว่าเรื่องใดบ้างที่เด็กต้องการความช่วยเหลือ

ข้อควรระวังในการปฏิบัติ
ครูต้องไวต่อความรู้สึกและตัดสินใจล่วงหน้าได้
ประเมินให้น้ำหนักความสำคัญของเรื่องต่างๆได้
พฤติกรรมบางอย่างของเด็กไม่ได้ปรากฏให้เห็นเสมอไป

การบันทึกการสังเกต
การนับอย่างง่ายๆ
การบันทึกต่อเนื่อง
การบันทึกไม่ต่อเนื่อง

การนับอย่างง่ายๆ
นับจำนวนครั้งของการเกิดพฤติกรรม
กี่ครั้งในแต่ละวัน กี่ครั้งในแต่ละชั่วโมง
ระยะเวลาในการเกิดพฤติกรรม

การบันทึกต่อเนื่อง
ให้รายละเอียดได้มาก
เขียนทุกอย่างที่เด็กทำในช่วงเวลาหนึ่ง หรือช่วงกิจกรรมหนึ่ง
โดยไม่ต้องเข้าไปแนะนำช่วยเหลือ

การบันทึกไม่ต่อเนื่อง
บันทึกลงบัตรเล็กๆ
เป็นการบันทึกสั้นๆเกี่ยวกับพฤติกรรมของเด็กแต่ละคนในช่วงเวลาหนึ่ง

การเกิดพฤติกรรมบางอย่างมากเกินไป
ควรเอาใจใส่ถึงระดับความมากน้อยของความบกพร่อง มากกว่าชนิดองความบกพร่อง
พฤติกรรมไม่เหมาะสมที่พบได้ในเด็กทุกคน ไม่ควรจัดเป็นสิ่งผิดปกติ

การตัดสินใจ
ครูต้องตัดสินใจด้วยความระมัดระวัง
พฤติกรรมของเด็กที่เกิดขึ้น ไปขัดขวางความสามารถในการเรียนรู้ของเด็กหรือไม่

กิจกรรมวาดภาพดอกบัวพร้อมทั้งบรรยายภาพดอกบัวของตนเอง

ทุกครั้งที่ครูรายงานผลเด็กครูต้องรายงานผลตามความเป็นจริง เหมือนดั่งที่เราวาดดอกบัว  
 เราต้องทุกรายละเอียดเพื่อประเมินได้อย่างถูกต้อง


ทักษะที่ได้:

  • การตอบคำถาม
  • การวิเคราะห์


การประยุกต์ใช้ : เพื่อเป็นความรู้ในการจัดกิจกรรมเพื่อส่งเสริมการเรียนรวมของเด็กได้


กาาประเมินผล
  • ตนเอง  แต่งกายถูกระเบียบ  ตั้งใจตอบคำถาม
  • เพื่อน :  ตั้งใจตอบคำถาม ไม่เสียงดัง
  • อาจารย์  อาจารย์ได้ใช้เทคโนโลยีในการสอนได้เหมาะสม เนื้อหาเข้าใจง่ายกระชับ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น